Kuresara Kung

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

ยินดีต้อนรับสู่เข้าสู่เว็บบล็อคของ กุริสลา คงสิน
เขียนโดย Unknown ที่ 22:00 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

รายชื่อสมาชิกกลุ่มที่ 1

  • 1.มาลินี อำพิน
  • 2.สลักจิตร์ จ้ายหนองบัว
  • 3.นัชญารัตน์ ฟักแก้ว
  • 5.รติกร อนันต์ชัย
  • 6.ดวงกมล ชัชวาลย์
  • 7.ศุภวรรณ วงศ์สาขา
  • 9.พรทิพย์ มิพิมล

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2013 (1)
    • ▼  มีนาคม (1)
      • ยินดีต้อนรับสู่เข้าสู่เว็บบล็อคของ กุริสลา คงสิน

เกี่ยวกับฉัน

Unknown
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

กุริสลา คงสิน

กุริสลา  คงสิน

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว



ชื่อ นางสาวกุริสลา นามสกุล คงสิน

ชื่อเล่น กั้ง

อายุ 24 ปี

วันเดือนปีเกิด 10 ส.ค. 2531

เบอร์โทรศัพท์ 090-632-2024

ที่อยู่ 2/7 ซ.สองพี่น้อง ต.เชิงเนิน ถ.สุขุมวิท ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง 21000

สถานที่ทำงาน โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง (การตลาด)

จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง โรงเรียนโปลีเทคนิคระยอง(คอมพิวเตอร์)

กลุ่มที่ 1/1

กลุ่มที่ 1/1

กลุ่มที่ 1/2

กลุ่มที่ 1/2

กลุ่มที่ 1/3

กลุ่มที่ 1/3

กลุ่มที่ 1/4

กลุ่มที่ 1/4

กลุ่มที่ 1/5

กลุ่มที่ 1/5

กลุ่มที่ 1/6

กลุ่มที่ 1/6

กลุ่มที่ 1/7

กลุ่มที่ 1/7

กลุ่มที่ 1/8

กลุ่มที่ 1/8

กลุ่มที่ 1/9

กลุ่มที่ 1/9

กลุ่มที่ 1/10

กลุ่มที่  1/10

กลุ่มที่ 1/11

กลุ่มที่ 1/11

กลุ่มที่ 1/12

กลุ่มที่ 1/12

กลุ่มที่ 1/113

กลุ่มที่ 1/113

กลุ่มที่ 1/14

กลุ่มที่ 1/14

กลุ่มที่ 1/15

กลุ่มที่ 1/15

กลุ่มที่ 1/16

กลุ่มที่ 1/16

กลุ่มที่ 1/17

กลุ่มที่ 1/17

กลุ่มที่ 1/18

กลุ่มที่ 1/18

กลุ่มที่ 1/19

กลุ่มที่ 1/19

กลุ่มที่ 1/21

กลุ่มที่ 1/21

กลุ่มที่ 1/20

กลุ่มที่ 1/20

กลุ่มที่ 1/22

กลุ่มที่ 1/22

กลุ่มที่ 1/24

กลุ่มที่ 1/24

กลุ่มที่ 1/25

กลุ่มที่ 1/25

กลุ่มที่ 1/23

กลุ่มที่ 1/23

กลุ่มที่ 1/26

กลุ่มที่ 1/26

กลุ่มที่ 1/28

กลุ่มที่ 1/28

กลุ่มที่ 1/29

กลุ่มที่ 1/29

กลุ่มที่ 1/30

กลุ่มที่ 1/30

กลุ่มที่ 1/31

กลุ่มที่ 1/31

กลุ่มที่ 1/32

กลุ่มที่ 1/32

กลุ่มที่ 1/33

กลุ่มที่ 1/33

กลุ่มที่ 1/34

กลุ่มที่ 1/34

กลุ่มที่ 1/35

กลุ่มที่ 1/35

ตอบคำถาม1

1. จงอธิบายความหมายของคำดังต่อไปนี้ พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน

- เทคโนโลยี
หมายถึง การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือความรู้ด้านอื่นๆ ที่ได้จัดระเบียบดีแล้วมาประยุกต์ใช้ในด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้งานนั้นมีความสามารถและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น การใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อค้นคว้าหาข้อมูล การใช้เครื่องมือสื่อสารในการติดต่อ


- สารสนเทศ
หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บรวบรวมและเรียบเรียง เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้
ตัวอย่างเช่น การเปิดใช้ Google เพื่อเปิดหาข้อมูล

- เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานที่เกี่ยวกับการประมวลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศ ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้เป็นการผสมผสานระหว่างเทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อช่วยในการสื่อสาiและการส่งผ่านข้อมูลและสารสนเทศได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น



- ข้อมูล
หมายถึง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกบเหตุการณ์ ปรากฎการณ์ คน สิ่งของฯลฯ ที่เราสนใจบัทึกเก็บไว้ใช้งาน


- ฐานความรู้
หมายถึง สารสนเทศที่ได้จัดเป็นโครงสร้างความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและต้องมีคุณค่าเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานต่างๆ ได้


2. โครงสร้างสารสนเทศมีอะไรบ้าง จงอธิบายพร้อมยกัวอย่าง
1. หน่วยข้อมูล คือ ส่วที่เล็กที่สุดของข้อมูล เช่น ตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์พิเศษ

2. ฟิลด์ข้อมูล คือ การนำเอาหน่วยข้อมูลที่สำคัญและต้องการศึกษามาไว้ด้วยกัน เพื่อเปรียบเทียบกัน เช่น ชื่อสกุลคะแนนการสอบ

3. เรคอร์ดข้อมล คือ การนำฟิลด์หลายฟิลด์มารวมกัน เช่น นักศึกษาแต่ละคน จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด อายุ เพศ ศาสนา เกรด ข้อมูลนักศึกษาแต่ละคนเรียกว่า 1 เรคอร์ด

4. แฟ้มข้อมูล เกิดจากระเบียนหรือเรคอล์ดหลายๆ เรคอล์ดที่เกี่ยวข้องกันในด้านใดด้านหนึ่งมารวมกัน เช่น แฟ้มข้อมูงนักเรียนห้องหนึ่งจำนวน 40 คนทุกคนต่างให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด อายุ เพศ ศาสนาข้อมูลทั้งหมดเรียกว่าแฟ้มข้อมูล

5. ฐานข้อมูล เกิดจากการรวมแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มข้อมูลเ้าด้วยกัน โดยที่แต่ละแฟ้มข้อมูลจะมีความสัมพันธ์กันหรือไม่กตาม ทำให้ข้อมูลไม่ซ้ำซ้อน สะดวกแะรวดเร็ว

ตัวอย่างเช่นการใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรมต่างๆ Microsoft office


3. วิวฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้ง จงอธิบาย พร้อมยกตัวอย่าง

1. ยุคการประมวลผลข้อมูล เป็นยุคแรกๆของการใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ วัตถุประสงค์ช่วงนั้น คือเพื่อการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลประจำวันเพื่อลดค่าใช้จ่ายและบุคลากรลง

2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เป็นยุคที่มีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในงานด้านการตัดสินใจ ดำเนินการ ควบคุมติดตามผล ตลอดจนวิเคราะห์งานของผู้บริหาร

3. ระบบการจัดการสารสนเทศเป็นการเรียกใช้สารสนเทศ เพื่อที่จะช่วยในการตัดสินใจในการนำองค์กรหรือหน่วยงานไปสู่เป้าหมายอันเป็นความสำเร็จ

4. ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปัจจุบันเทคโนโลยีทีความเจิญอย่างรวดเร็ว ทำให้มีทางเลือกและเกิดรูปแบบใหม่ๆ ของสินค้าและบริการ รวมเรียกว่าเป็นที่มีการใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคนาคม เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศโดยมุ่งเน้นการให้บริการสารสนเทศ

ตัวอย่างเช่น จากเมื่อก่อนใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสาร จนกลายมาเป็นโทรศัพท์ จนกระทั่งใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการติดต่อ



















ตอบคำถาม 2

1.จงอธิบายความหมาย พร้อมยกตัวอย่างของคำต่อไปนี้

-Hareware
เป็น ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ หมายถึง ส่วนที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบขึ้นมาใช้งานได้ ซึ่งสามารถแบ่งส่วนประกอบได้ 3 ส่วน

1 อุปกรณ์รับข้อมูล

2 อุปกรณ์ของหน่วยประมวลผล

3 อุปกรณ์แสดงผล

ตัวอย่างเช่น ตัวรับข้อมูล เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับข้อมูลเข้าไปสู่หน่วยประมวลผลกลางผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลคำสั่งต่างๆ ผ่านอุปกรณ์ เหล่านี้เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เช่น แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลที่สามารถพิพม์หรือเคาะได้เช่น ตัวเลข ตัวอักษร

-Software

การใช้งานระบบสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน เช่น การซื้อของโดยใช้บัตรเครดิต ผู้ขายจะตรวจสอบบัตรเครดิตโดยใช้เครื่องอ่านบัตร แล้วส่งข้อมูลของบัตรเครดิตไปยังศูนย์ข้อมูลของบริษัทผู้ออกบัตร การตรวจสอบจะกระทำกับฐานข้อมูลกลาง โดยมีกลไกหรือเงื่อนไขของการตรวจสอบ จากนั้นจึงให้คำตอบว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธบัตรเครดิตใบนั้น การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปโดยอัตโนมัติตามคำสั่งซอฟต์แวร์ ทำนองเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า พนักงานเก็บเงินจะใช้เครื่องกราดตรวจอ่านรหัสแท่งบนสินค้าทำให้บนจอภาพปรากฏชื่อสินค้า รหัสสินค้า และราคา ในการดำเนินการนี้ต้องใช้ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นลำดับขั้นตอนของการทำงาน ชุดคำสั่งเหล่านี้ได้จัดเตรียมไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์อ่านชุดคำสั่งแล้วทำงานตาม ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดทำขึ้น และคอมพิวเตอร์จะทำงานตามคุณลักษณะของซอฟต์แวร์ที่วางไว้แล้วเท่านั้น ชนิดของซอฟต์แวร์แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software)



-Peopleware

บุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น นักเขียนโปรแกรม (programmer) นักวิเคราะห์ระบบ (systems analyst) วิศวกร (engineer) ผู้เตรียมข้อมูล (data entry) รวมไปถึงผู้ควบคุมเครื่อง (operator) อย่างไรก็ตาม สำหรับไมโครคอมพิวเตอร์แล้ว คำว่า "ผู้ใช้เครื่อง" (user) จะถูกรวมอยู่ในบุคลากรคอมพิวเตอร์ด้วย-Date

-Information
1. การรวบรวมข้อมูล 2. การตรวจสอบข้อมูล 3. การจัดหมวดหมู่ 4. การเรียงลำดับข้อมูล 5. การสรุป 6. การคำนวณ 7. การจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ 8. การค้นคืนข้อมูล 9. การจัดทำสำเนา 10. การแพร่กระจายและสื่อสารข้อมู

2. หากนักศึกษาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังต่อไปนี้ (เลือก 1 ธุรกิจ )จะนำองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้แก่ Hareware ,Software และ Peopleware ใดมาใช้ธุกิจบ้าง เพราะเหตุใดจงอธิบาย

ร้านสะดวกซื้อ

ปัจจุบันนี้ร้านสะดวกซื้อได้นำเอาเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ไม่ว่าจะใช้คอม

พิวเตอร์มาใช้ในการคิดคำนวณราคาสินค้า ใช้เครื่องแสกนในการแสกนราคาสินค้าอีกมากมายเราจึงลดปริมาณนักงานในร้านได้เยอะ

3. ให้นักศึกษา แสดงข้อมูล จำนวน 1 ชุด พร้อมทั้งแสดงในรูปแบบของระบบสารสนเทศ

ข้อมูลหมายถึง ค่าความจริง เช่น จำนวนสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าเป็นต้นข้อมูลตัวเลขข้อมูลตัวอักษรข้อมูลรูปภาพข้อมูลเสียงและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งข้อมูลชนิดต่างๆ จะเปลี่ยนเป็นสารสนเทศ

สารสนเทศถูกกำหนดความสัมพันธ์ให้ ตัวอย่างเช่น หรือตัวอย่างเช่นตัวเลข 1.1, 1.5, 1.6 และจัดเป็นข้อมูลตัวเลข เช่นเมื่อกล่าวว่า

















ตอบคำถาม 3

1.ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์แบ่งได้กี่วิธี อะไรบ้าง
- 3 วิธี
1. ขั้นเตรียมข้อมูล
เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อให้สะดวกต่อการประมวลผลซึ่งมี 4 วิธี
1.1 การลงรหัส
1.2 การตรวจสอบ
1.3 การจำแนก
1.4 การบันทึกข้อมูลลงสื่อ

2. ขั้นตอนการประมวลผล
คือ เป็นการนำเอาโปรแกรมที่เขียนขึ้น มาใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้เครียมไว้และข้อมูลยังคงเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตสารสนเทศต่างๆ เช่น

2.1 การคำนวณ
2.2 การเรียงลำดับข้อมูล
2.3 การสรุป
2.4 การเปรียบเทียบ

3. ขั้นตอนการแสดงผลลัพธ์
เป็นขั้นตอนการเผยแพร่สารสนเทศให้กับผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ อาจอยู่ในรูปแบบ เอกสาร รายงาน การนำเสนอ บนจอภาพ โดยการใช้คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


2. จงเรียงลำดับโครงสร้างข้อมูลจากขนาดเล็กไปใหญ่พร้อมอธิบายความหมายของโครงสร้างข้อมูลแต่ละแบบ

บิต หน่วยที่เล็กที่สุด

ไบต์ การนำบิตมารวมกัน เรียกว่า ตัวอักษร ตัวอักขระ

ฟิลด์ การนำไบต์หลายๆ ไบต์มารวมกัน เรียกว่าเขตข้อมูล

เรคอร์ด การนำฟิลด์หลายๆ ฟิลด์มารวมกัน เรียกว่าระเบียน

ไฟล์ การเอาเรคอร์ดหลายๆ เรคอร์ดมารวมกัน เรียกว่าแฟ้มข้อมูล

3. หากนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ในหน่วยงานที่นักศึกษาทำงานอยู่ สามารถมีระบบใดบ้าง และระบบฐานข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร

- ทำงานที่โรงเรียนมาบพุดพันพิทยาคาร
นำฐานระบบข้อมูลนักเรียนมาใช้ในหน่วยงานเพื่อค้นหาข้อมูลของนักเรียนและประวัติ ชั้น ห้อง เลขที่

- ช่วยลดการใช้กระดาษได้เยอะ ระบบสามารถคีย์เลขประจำตัวได้แล้วข้อมูลของนักเรียนดังกล่าวก็จะขึ้นมาแสดงยังหน้าจอ

4. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบชและแบบเรียลไทม์

-แบบแบช เป็นการรวบรวมข้อมูล และแบ่งแยกข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ แล้วจึงส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ และจะทำการประมวลผลครั้งเดียว ไม่มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์

-แบบเรียลไทม์ เป็นการประมวลผลที่เมื่อทำการส่งข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์แล้วจะได้ผลลัพธ์ออกมาทันที เมื่อเราต้องการ แสดงผลข้อมูลทันทีที่ต้องการใช้ทันทีที่ต้องการ โดยแสดงออกผลทาง Output เช่น การใช้บริการบัตรเครดิตตามห้างร้านต่างๆได้เลย




ตอบคำถาม 4

1. สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท มีข้อดีและเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ
- ข้อดีคือ เสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้อย
- ใช้ข้อจำกัดกว้างขาวงในระบบโทรศัพท์

- ข้อเสียคือ อัตราเร็วในการส่งข้อมูลจะน้อยกว่า สายสัญญาณแบบอื่น
- มีข้อจำกัดเรื่องความยาวของสายสัญญาณ


2. การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร มีประโยนช์อย่างไร
- เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้ใช้ สามารถใช้อุปกรณ์รอบข้างที่ต่อพ่วงกับระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องพิมพ์ สามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งนี้เพราะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้

3. หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูแบบของระบบเครือข่าย(Lan Topology) แบบใดเพราะอะไร

รูปแบบการเชื่อต่อแบบวงแหวน (Ring)

เป็นการเชื่อมต่อจากอีกเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่อง โดยที่เราสามารถไปใช้งานกับเครื่องคอมตัวใดก็ได้ โดยไม่ต้องทำงานกับเครื่องคอมตัวเดิม เราสามารถมองโดยภาพรวมได้ และข้อมูลก็เหมือนกันทุกเครื่อง


4. อินเตอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
สามารถใช้อินเตอร์เน็ตค้นคว้าหาความรู้ได้ทุกชนิด และสามารถบอกตำแหน่งทิศทาง และต้องการหารูปหรือสถานที่สำคัญก็ได้ สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อในการเรียนการสอนก็ได้



ตอบคำถาม 5

1.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์คืออะไร จงอธิบาย
- การกระทำการใดๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำได้รับผลประโยนช์ตอบแทน
- การกระทำผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ และในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
2. อธิบายความหมายของ

2.1 Hacker
- บุคคลที่เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายที่สามารถสร้าง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขสิ่งบกพร่อง ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และทำในสิ่งที่น่าประหลาดใจต่อบุคคลทั่วไปที่อาจจะมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์น้อยกว่า

2.2 Cracker
- สิ่งรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล เมื่อบุกรุกเข้าสู่ระบบ จะทำลายข้อมูลที่สำคัญทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์

2.3 สแปม
- การส่งอีเมล์ที่มีข้อความโฆษณาไปให้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้รับ การสแปมส่วนใหญ่ทำเพื่อการโฆษณาเชิงพาณิชย์ มักจะเป็นสินค้าที่น่าสงสัย หรือการเสนองานที่ทำให้รายได้อย่างรวดเร็ว หรือบริการที่ก้ำกึ่งผิดกฎหมาย

2.4 ม้าโทรจัน
- โปรแกรมที่ถูกโหลดเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อ ปฎิบัติการ ล้างความลับเช่น รหัสผ่าน User Name และข้อมูลเกี่ยวกับการ Login ระบบ ที่ถูกพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดโดยผู้ใช้งาน เข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดักจับข้อมูลดังกล่าว แล้วนำไปใช้ในการเจาะระบบ

2.5 สปายแวร์
- โปรแกรมที่แฝงเข้ามาในคอมพิวเตอร์ขณะที่คุณท่องอินเตอร์เน็ต ถูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ และจะทำการเก็บพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเรา รวมถึงข้อมูลส่วนตัวหลายๆ อย่างได้แก ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรเครดิต ของเราด้วย

3. จงยกตัวอย่างกฎหมาย ICT หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง จงอธิบายถึงการกระทำผิดและบทลงโทษมา 5 ตัวอย่าง

1. ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข หรือเพิ่มเติมทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หน้าต่างรูปภาพ ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.